และกำลังเริ่มต้นเข้าสู่วันที่สามไปทุกขณะ
ฉันยังนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เดิม...
คือหน้าคอม
ฉันไม่ได้นั่งเล่นบล็อกยืดเยื้อไม่รู้จักหลับจากนอนหรอกนะ
เพียงก็แค่เปิดเจ้าคอมไว้เป็นเพื่อน
ส่วนตัวเองก็ยกขาพาด cpu แก้เมื่อย
แล้วก็นั่งอ่านหนังสือจนเวลาล่วงเลยมาป่านนี้
จำได้ว่า...ฉันเคยบอกเล่าไว้ที่ไหนสักแห่ง
ฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือ
เวลาไปไหนมาไหน ฉันมักต้องมีหนังสือหนีบติดมือไปด้วยทุกครั้ง
ขนาดว่ารอเด็กปั๊มเติมน้ำมัน ฉันก็ยังงัดวรรณกรรมอะไรมาอ่านได้
นิด ๆ หน่อย ๆ ฉันก็เอา...ความที่ฉันเป็นคนขี้เบื่อ
นั่งกลอกตาไปมาโดยไม่มีอะไรทำ...คงไม่ใช่ฉันแน่

บางส่วนของหนังสือบอกไว้ว่า...
ต่อให้สูญเสียทุกอย่างไปจนหมด
เราก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้
และพร้อมเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
แต่ถ้าความศรัทธาหายไป
ทุกอย่างจะถึงทางตันทันที
การดึงความรักความศรัทธา
กลับมาจากคนรอบข้าง ถึงจะทำได้ยาก
แต่ก็ยังไม่ยากเท่ากับการดึงศรัทธาที่หายไปของตัวเอง
ให้คืนกลับมา
...
...
ฉันไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด
แต่ก็ไม่ขอคอมเมนท์บางส่วนในความรู้สึกฉันลงไว้ ณ ที่นี่
...
...
หนังสือยังคงกล่าวอีกว่า
เมื่อไหร่ที่คนเราหมดศรัทธาตัวเอง
เรามักจะมองตัวเองไร้ค่าในเวลาที่ล้มเหลว
พอเห็นว่าตัวเองไม่มีค่าแล้ว
ก็หมดกำลังใจที่จะเริ่มต้นใหม่
เพราะคนที่ไม่ศรัทธาแม้แต่ตัวเอง
ก้ไม่ได้ต่างอะไรไปจาก
คนที่หมดลมหายใจแล้ว
...
...
เหตุผลของการไม่มีคอมเมนท์เป็นตัวอักษร
เพราะฉันติดตามงานเขียนแนว ๆ นี้จากหลาย ๆ ผู้แต่ง
ฉันไม่แน่ใจว่าทุกคนผ่านประสบการณ์มาหมด
แล้วเอามาเขียน หรือเขียนเพราะเขาเป็นมืออาชีพที่จะเขียน
...
...
แต่สำหรับฉัน คนที่เคยผ่านปัญหาชีวิตครอบครัวมาในระดับหนึ่ง
วิธีการแก้ช่างต่างกับเขาโดยสิ้นเชิง
บางที...ถ้าคนเขียนได้ลงไปอยู่ในปัญหา
คุณอาจพบว่าสิ่งที่คุณเขียน มันเยียวยาอะไรไม่ได้เลย
วินาทีนั้น...คุณอาจสะกดคำว่าศรัทธาไม่ออกด้วยซ้ำไป
ฉันว่ามีสิ่งหนึ่งที่ฉุดสติคนเรากลับมาได้
เฮ้อ!...
นี่ฉันคงอินกับสิ่งที่อ่านมากเกินไปอีกแล้ว
ราตรีนี้น่าจะปิดฉากลงซักที
ฝันดีนะเพื่อนที่ฉันรู้จักทุกคน
โดยเฉพาะคุณ...ขอให้ฝันดีกว่าใคร ๆ
โดย....เรา