
วันนี้เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวตุ๊บ ๆ
สาเหตุก็ไม่ใช่อะไร เมื่อคืนฝนตกกระหน่ำหนัก
กำลังขายของก็เป็นอันต้องเลิกไปโดยปริยาย
แล้วก็วิ่งวุ่นอยู่กับการเก็บข้าวของ ตากฝนชุ่มฉ่ำสนุกสนาน
มือซ้ายจับร่ม มือขวาจับผ้าใบ วุ่นวายเป็นที่สุด
แต่ในความวุ่นวาย...มันก็ผสม ๆ กับความสนุกสนาน
เพราะจุดที่ขายเป็นบริเวณใต้หอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัย
มีน้อง ๆ นักศึกษาที่ซี้ปึ้กกันอยู่หลายคน
มาช่วยกันคนละไม้คนละมือก็สนุกดี
อาชีพแม้ค้าทำให้สบโอกาสได้เล่นน้ำฝนเป็นประจำ
ทั้ง ๆ ที่ในวัยเด็ก ยามเห็นฝนพรำสายแบบนี้
มักถูกผู้หลักผู้ใหญ่ไล่ให้เข้าบ้านเสียงขรม เพราะกลัวจะไม่สบาย
แต่ตอนนี้โตมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงได้มีโอกาสสัมผัสฝนได้ตามอำเภอใจ
เราชอบชีวิตตอนนี้จัง...ได้อยู่แวดล้อมไปด้วยเด็ก ๆ วัยรุ่น
คล้าย ๆ เหมือนจะย้อนกลับไปในวัยนั้นอีกครั้ง
เพราะการพูดจา เดาใจ หรืออ่านเกมส์...ต้องมีไหวพริบพอดู
ก็เด็กสมัยนี้เค้าเก่ง ริจะเป็นแม่ค้าก็ต้องทันเกมส์เด็กหน่อย
ทำให้รู้สึกชีวิตมีสีสันดี วันหนึ่ง ๆ มีเรื่องให้ได้ฮาไม่เว้นแต่ละวัน
บางวันขายเสร็จก็กอดเอวกันไปดริ๊งเหล้าปั่นต่อ
เที่ยงคืนโน่นล่ะ...กว่าจะแยกย้าย
เหมือนเมื่อวานที่มีภาพน่ารัก ๆ ตอนน้อง ๆ ช่วยเก็บร้านหนีฝน
เราขับรถกระบะมาเทียบฟุตบาท น้องสองสามคนช่วยกันขนของ
ขึ้นรถ แต่มีอยู่คนหนึ่งอุ้มครกไว้แนบอก แล้วอีกมือก็กำซาก
เค้าร้องเพลงพื้นบ้านอะไรก็ไม่รู้ เราฟังไม่ค่อยถนัด
แล้วก็ทำท่ายกสากตำใส่ครก ถอยหน้าถอยหลัง
เรียกเสียงฮาจากคนแถวนั้นได้ครื้นใหญ่
พี่ร้านกาแฟเลยตะโกนร้องเพลงคาราบาวแข่งกับสายฝนด้วยอีกคน
เราลงมายืนกอดอกพิงรถ...รู้สึกว่ายังไม่อยากจะรีบกลับเลย
ยังอยากจะมองภาพสนุก ๆ แบบนั้นต่ออีกหน่อย
เพราะพอสามีพี่คนที่ขายกาแฟร้องเพลง
ภรรยาเค้าก็เอากระบวยตักน้ำร้อนมาเป็นไมค์ แล้วร้องคอรัสให้
เราขำก๊ากแบบไม่ต้องเก็บอาการเลยทีนี้ เลยไปช่วยชูมือขวา
ร่วมอีกคน เด็ก ๆ สนุกกันใหญ่ภายใต้สายฝน
คนที่ขับรถผ่านไปมา แต่งตัวเป็นผู้ดิบผู้ดีคงจะนึกหมิ่นอยู่ในใจ
แต่เขาคงไม่รู้หรอก นี่แหละความสุขที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ
ที่สำคัญเขาคงไม่รู้หรอก ว่าคนขายกาแฟน่ะ...จบโทวิศวะ
ตอนกลางวันทำงานที่บริษัทต่อเรือ เงินเดือนตั้งสี่ห้าหมื่น
ภรรยาเป็นนักเขียนอิสระประจำนิตยสารฉบับหนึ่ง
และอีกหลาย ๆ ร้าน ที่กลางวันทำงานบริษัท
แล้วมาหาจ๊อบพิเศษเอาตอนเย็นเป็นรายได้เสริม
แถมเป็นรายได้เสริมที่เป็นกอบเป็นกำยิ่งกว่าเงินประจำเสียอีก
มันทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด
ที่แม้นจะร่ำเรียนจบมาสูง แต่เลือกที่จะเป็นนายตัวเอง
ไม่ต้องไปอยู่ใต้บังคับบัญชาใคร
แต่หัวใจคนเรา...มันจะเอาอะไรแน่ได้นักเล่า
บางวันไปเจอเพื่อนทำงานแต่งตัวสวยเช้ง
หัวใจก็นึกกระหวัดโหยหาการงานที่มันโก้หรู
แต่บางวันขายดิบขายดี เห็นเงินเป็นฟ่อน ๆ ก็เปลี่ยนใจอีกล่ะ
ไปเป็นลูกน้องใครทำไมให้เหนื่อย เป็นงี้ก็ดีจะแย่แล้ว
คนเรา...เรียนจบสูง ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตตามสูตรเสมอไป
ซิกแซกบ้างก็ได้ มันก็ใช่ว่าจะไม่ได้ดีนี่นา
เราบอกตัวเองแบบนั้น ขอแค่ทำดี คิดแต่สิ่งดี ๆ และก็เป็นคนดี
ทำอะไรที่ใจเรารัก และอย่าไปเผลอทำให้ใครเค้าเดือดร้อน
ศีล 5 รักษาให้ได้ มีอัฐมากหน่อยก็ทำบุญทำทานบ้าง
ก็แค่นี้และความสุขในชีวิต จะอะไรนักหนาน๊อ